กลยุทธ์การควบคุมอินเวอร์เตอร์เป็นกุญแจสำคัญในการบรรลุผลลัพธ์ที่เสถียรและมีประสิทธิภาพ ต่อไปนี้คือกลยุทธ์การควบคุมอินเวอร์เตอร์ทั่วไปบางประการ:
- การควบคุมประเภทแรงดันไฟฟ้า: การควบคุมเวลาการสลับของอุปกรณ์การสลับทำให้แรงดันไฟฟ้าขาออกติดตามค่าอ้างอิงแรงดันไฟฟ้าที่กำหนดไว้ การควบคุมประเภทแรงดันไฟฟ้ามีข้อดีคือความเร็วในการตอบสนองที่รวดเร็วและความแม่นยำในการควบคุมสูง แต่ก่อให้เกิดมลพิษฮาร์มอนิกจำนวนมากต่อโครงข่ายไฟฟ้า
- การควบคุมประเภทกระแสไฟฟ้า: โดยการควบคุมเวลาการสลับของอุปกรณ์การสลับ กระแสไฟฟ้าขาออกจะติดตามค่าอ้างอิงกระแสไฟฟ้าที่กำหนดไว้ การควบคุมประเภทกระแสไฟฟ้ามีความสามารถในการระงับฮาร์มอนิกที่ดี แต่ความเร็วในการตอบสนองช้าและความแม่นยำของการควบคุมต่ำ
- การควบคุมแบบไฮบริด: การผสมผสานข้อดีของการควบคุมแบบแรงดันไฟและแบบกระแส ทำให้สามารถควบคุมแรงดันไฟขาออกและกระแสของอินเวอร์เตอร์ได้พร้อมกัน การควบคุมแบบไฮบริดมีข้อดีคือความเร็วในการตอบสนองที่รวดเร็ว ความแม่นยำในการควบคุมสูง และมลพิษฮาร์มอนิกต่ำ แต่ขั้นตอนการควบคุมค่อนข้างซับซ้อน
ความเสถียรและความแม่นยำของความถี่เอาท์พุตอินเวอร์เตอร์
ความเสถียรและความแม่นยำของความถี่เอาต์พุตของอินเวอร์เตอร์เป็นตัวบ่งชี้ที่สำคัญสำหรับการวัดประสิทธิภาพการทำงาน ต่อไปนี้คือวิธีการปรับปรุงความเสถียรและความแม่นยำของความถี่เอาต์พุตของอินเวอร์เตอร์: - การใช้อุปกรณ์สวิตชิ่งประสิทธิภาพสูง: การเลือกอุปกรณ์สวิตชิ่งที่มีความเร็วในการสวิตชิ่งสูงและความต้านทานต่ำสามารถเพิ่มความถี่เอาต์พุตของอินเวอร์เตอร์ได้
- อัลกอริธึมควบคุมการเพิ่มประสิทธิภาพ: การปรับปรุงอัลกอริธึมควบคุมจะทำให้สามารถปรับอินเวอร์เตอร์ให้เข้ากับปัจจัยภายนอก เช่น ความผันผวนของพลังงานอินพุตและการเปลี่ยนแปลงโหลดได้ ส่งผลให้ความถี่เอาต์พุตมีเสถียรภาพมากขึ้น
- การแนะนำการควบคุมข้อเสนอแนะ: การแนะนำสัญญาณข้อเสนอแนะ เช่น แรงดันไฟขาออกและกระแสไฟฟ้า ทำให้สามารถปรับความถี่ขาออกของอินเวอร์เตอร์แบบเรียลไทม์ได้ ทำให้ความแม่นยำของความถี่ดีขึ้น
- การนำเทคโนโลยีการกรองขั้นสูงมาใช้: ตัวกรองประสิทธิภาพสูง เช่น ตัวกรอง LC ตัวกรองชนิด π ฯลฯ ใช้เพื่อกรองส่วนประกอบความถี่สูงในสัญญาณ PWM และปรับปรุงเสถียรภาพของความถี่เอาต์พุต