ด้านล่างนี้เป็นคำแนะนำโดยละเอียดเกี่ยวกับข้อผิดพลาดทั่วไปของ UPS และวิธีแก้ไข
1. เมื่อมีไฟฟ้าหลัก UPS จะส่งสัญญาณเตือนไฟดับ
สาเหตุที่เป็นไปได้:
1) เบรกเกอร์วงจรไฟฟ้าอินพุตหลักสะดุด
2) การติดต่อสายสื่อสารอินพุตไม่ดี
3) แรงดันไฟฟ้าขาเข้าของไฟหลักสูงเกินไป ต่ำเกินไป หรือความถี่ผิดปกติ
4) สวิตช์หรือสวิตซ์อินพุต UPS เสียหายหรือฟิวส์ขาด
5) วงจรตรวจจับพลังงานภายใน UPS ขัดข้อง
วิธีการจัดการ:
1) ตรวจสอบว่าอินพุตว่างเปล่าหรือไม่
2) ตรวจสอบวงจรอินพุต
3) หากไฟหลักผิดปกติ สามารถปล่อยทิ้งไว้หรือสตาร์ทเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเพื่อจ่ายไฟได้
4) เปลี่ยนเบรกเกอร์ สวิตช์ หรือฟิวส์ที่เสียหาย
5) ตรวจสอบวงจรตรวจจับไฟหลักของ UPS
2. เมื่อไฟหลักปกติ เอาต์พุตของ UPS ก็จะปกติเช่นกัน หลังจากไฟหลักถูกตัด โหลดก็จะสูญเสียพลังงานด้วย
สาเหตุที่เป็นไปได้:
1) เนื่องจากแรงดันไฟหลักต่ำบ่อยครั้ง แบตเตอรี่จึงอยู่ในสถานะแรงดันไฟต่ำ
2) เครื่องชาร์จ UPS เสียหาย และไม่สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้
3) แบตเตอรี่มีอายุและเสียหาย
4) โหลดเกิน, เอาท์พุตบายพาส UPS
5) โหลดไม่ได้รับเอาท์พุตจาก UPS
6) แบตเตอรี่ของรุ่นหน่วงเวลานานไม่ได้เชื่อมต่อหรือมีการสัมผัสที่ไม่ดี
7) อินเวอร์เตอร์ UPS ไม่ได้เริ่มต้นทำงาน (สวิตช์ควบคุมแผงควบคุม UPS ไม่ได้เปิด) และโหลดได้รับพลังงานจากบายพาสหลัก
8) อินเวอร์เตอร์เสียหาย เอาท์พุตบายพาส UPS
วิธีการจัดการ:
1) A. ชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มเมื่อแรงดันไฟหลักเป็นปกติ
ข. สตาร์ทเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเพื่อชาร์จแบตเตอรี่
C. เพิ่มตัวควบคุมแรงดันไฟฟ้าให้ขั้วอินพุตของ UPS
2) ตรวจสอบเครื่องชาร์จ
3) เปลี่ยนแบตเตอรี่
4) ลดภาระ
5) เชื่อมต่อโหลดกับเอาต์พุตของ UPS
6) ตรวจสอบว่าชุดแบตเตอรี่เชื่อมต่ออย่างถูกต้องและแน่นหนาหรือไม่
7) สตาร์ทอินเวอร์เตอร์เพื่อจ่ายไฟให้กับโหลด (เปิดสวิตช์ควบคุมแผงควบคุม)
8) ตรวจสอบอินเวอร์เตอร์
3. UPS ไม่สามารถเริ่มทำงานได้
สาเหตุที่เป็นไปได้
1) แบตเตอรี่ไม่ได้ใช้งานเป็นเวลานานและมีแรงดันไฟต่ำ
2) สายไฟอินพุต AC และ DC ไม่ได้เชื่อมต่ออย่างถูกต้อง
3) วงจรสตาร์ทภายใน UPS ขัดข้อง
4) วงจรไฟฟ้าภายใน UPS ขัดข้องหรือไฟฟ้าลัดวงจร